ข้อมูลร้านค้า/บริการสตรีมมิ่ง

หากคุณค้นหาด้วยชื่อศิลปินหรือชื่อผลงานแต่ไม่พบเพลงของคุณ อาจเป็นไปได้ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:

• เพลงของคุณอาจยังไม่ออนไลน์ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาในการเผยแพร่ คลิก ที่นี่

• บริการต่างๆ กำลังตรวจสอบชื่อศิลปินของคุณ ชื่อของคุณอาจไม่ปรากฏในการค้นหาแม้ว่าเพลงของคุณจะออนไลน์แล้วก็ตาม บริการจัดการเรื่องนี้แบบภายใน (เราไม่ได้ควบคุมผลการค้นหา) แต่ไม่ควรใช้เวลานานเกินไปในการตรวจสอบชื่อของคุณหลังจากที่ผลงานออนไลน์แล้ว โดยทั่วไป สิ่งนี้จะเกิดขึ้นหากนี่เป็นครั้งแรกที่ใช้ชื่อศิลปินของคุณ

• ชื่องานที่คุณเผยแพร่ซ้ำกับผลงานอื่นมากเกินไป หากคุณมีชื่อเพลงหรือชื่ออัลบั้มที่คล้ายกับผลงานอื่นๆ เช่น "Home" ชื่อเพลงนั้นอาจไม่แสดงในผลการค้นหาที่ด้านบนถ้าผลงานอื่นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

เพลงหายใน Instagram มากกว่าสามสัปดาห์หลังจากการส่ง?

บริการสตรีมมิ่งแต่ละบริการจะมี สไตล์--ที่ใช้ในการแสดงข้อมูลในแบบของตัวเอง

เมื่อคุณอัปโหลดเพลงไปยัง DistroKid เราจะจัดการรูปแบบข้อมูลและจัดส่งไปยังแต่ละบริการ ตามคำแนะนำของแต่ละบริการ

ด้านล่างเป็นตัวอย่างของความแตกต่างระหว่าง ศิลปินฟีเจอริง ใน Apple Music และ Spotify

Apple Music:

Spotify:

อาจใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการอัปโหลดกับ DistroKid เป็นครั้งแรก ก่อนที่การเผยแพร่จะปรากฏในบริการสตรีมมิ่งทั้งหมด (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลาที่ใช้ในการเผยแพร่ไปยังบริการสตรีมมิ่งต่างๆ โปรดดูคำถามที่พบบ่อย ที่นี่)

แม้ว่าการเผยแพร่ของคุณได้ออนไลน์ไปแล้ว อาจต้องใช้เวลาในการประมวลผลเพิ่มเติมก่อนที่ DistroKid จะตรวจพบการเผยแพร่ของคุณในบริการสตรีมมิ่ง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเข้าถึงลิงก์ Spotify ของคุณก่อนที่ผลงานจะถูกเผยแพร่ได้ โดยไปที่ https://distrokid.com/uri ลองดู!

หากคุณกำลังพยายามที่จะ ยืนยันโปรไฟล์ Spotify for Artists ของคุณ และเห็นข้อความแจ้งว่ายังตรวจไม่พบการเผยแพร่ของคุณ โปรดลองอีกครั้งในภายหลังหรือ ยืนยันโดยตรงผ่าน Spotify ด้วยวิธีแบบดั้งเดิม 🤘🏽🤘🏽🤘🏽

บางครั้งเนื้อหาจะปรากฏในบริการสตรีมมิ่งก่อนที่จะได้รับการประมวลผลอย่างสมบูรณ์ หากคุณกังวล เราขอแนะนำให้รอประมาณ 48-72 ชั่วโมงเพื่อให้บริการจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

นับจากเวลาที่คุณอัปโหลด อาจต้องใช้เวลา 1-2 วันทำการในการตรวจสอบ อนุมัติ และส่งงานของคุณไปยังบริการสตรีมมิ่ง จากนั้นบริการสตรีมมิ่งจะใช้เวลาประมวลผลเพิ่มเติมในตอนท้ายก่อนที่จะเผยแพร่งานของคุณ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลาที่ใช้ในการเผยแพร่เพื่อให้งานของคุณออนไลน์บนบริการสตรีมมิ่งเมื่อได้รับการอนุมัติ โปรดดูที่ คำถามที่พบบ่อย

ความล่าช้าเกิดขึ้นได้ยาก แต่เกิดขึ้นได้ และมักอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา โปรดตรวจสอบ บทความนี้ เกี่ยวกับวันที่เผยแพร่--โดยเฉพาะส่วน "หมายเหตุ"

บริการสตรีมมิ่งส่วนใหญ่จะ บีบอัด ไฟล์เสียงเพื่อให้ดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น ผลข้างเคียงที่น่าเสียดายคือเสียงที่ถูกบีบอัดอาจฟังดูไม่ดีเท่ากับเสียงต้นฉบับที่คุณอัปโหลดไปยัง DistroKid

เนื่องจากบริการสตรีมมิ่งรองรับการสตรีมแบบ "ไม่สูญเสียข้อมูล" มากขึ้น ปัญหาดังกล่าวจึงน้อยลง

ในขณะเดียวกัน ก็มีวิธีที่ผู้ฟังสามารถฟังเสียงที่ดีขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น ในแอป Spotify (เดสก์ท็อปหรือมือถือ) ผู้ใช้งานแบบชำระเงินสามารถไปที่ "การตั้งค่า" และเปิดใช้งาน "การสตรีมคุณภาพสูง"

การอัปโหลดเพลงและรับเงินจาก Spotify ผ่าน DistroKid นั้นง่ายมาก ในความเป็นจริง เราเป็นหนึ่งใน พันธมิตรที่ Spotify ต้องการ!

นอกจากจะทำให้การส่งเพลงของคุณไปยัง Spotify เป็นเรื่องง่ายแล้ว DistroKid ยังทำให้การรับรายได้จาก Spotify เป็นเรื่องง่ายเหลือเชื่อ! คุณจะได้รับรายได้ 100% จาก Spotify (และพันธมิตรร้านค้าอื่นๆ ทั้งหมดที่เราร่วมงานด้วย!) เมื่อใช้ DistroKid

เพื่อเริ่มต้น:
1. สร้างบัญชี DistroKid!

2. เลือก แผนการสมัครสมาชิก DistroKid ที่คุณต้องการ! โปรดทราบว่าแผน Musician Plus และ Ultimate มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมาย รวมถึงสถิติรายวันและวันเผยแพร่แบบกำหนดเอง

3. ไปที่ แบบฟอร์มอัปโหลด เพื่ออัปโหลดงานของคุณ! ในแบบฟอร์มอัปโหลด โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือก Spotify จากรายชื่อพันธมิตรของเรา

4. เมื่อเพลงของคุณอยู่ในรายการและเผยแพร่บน Spotify แล้ว คุณสามารถยืนยันตัวตนและเข้าถึง Spotify for Artists ของคุณผ่าน DistroKid ได้อีกด้วย!

แค่นั้นแหละ มันง่ายมากๆ!

หากต้องการเพิ่มศิลปินอีกคนลงในบัญชี Spotify for Artists ของคุณ:

1. เข้าสู่ระบบพอร์ทัล Spotify for Artists ของคุณบนเว็บเบราว์เซอร์
2. ที่มุมขวาบน คลิกที่ไอคอนวงกลมที่มีตัวอักษรตัวแรกของคุณ
3. เลือก "ทีม"
4. คลิกที่ "เพิ่มทีม" ที่มุมขวาบนของหน้า "ทีมของคุณ"
5. ปฏิบัติตามคำแนะนำและป้อน URI ของศิลปินของคุณเมื่อได้รับแจ้ง

คุณสามารถค้นหา URI ศิลปินของคุณได้ที่ บทความนี้

ภาพหน้าจอด้านล่างนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงขั้นตอนตามที่กล่าวถึงข้างต้น

1.

2.

3.

4.

5.

บางทีการเผยแพร่ของคุณอาจจะไม่ปรากฏบนหน้าศิลปินอย่างถูกต้อง

ข่าวดีก็คือ วิธีแก้ไขนั้นง่ายมาก!

ไปที่ https://distrokid.com/fixer และป้อน URI ของศิลปินบน Spotify ที่ถูกต้อง เพื่อล็อกสิ่งนั้นไว้ในบัญชีของคุณ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าการอัปโหลดก่อนหน้าและในอนาคตทั้งหมดถูกเชื่อมโยงกับหน้าศิลปินอย่างถูกต้อง

แม้ว่าการเผยแพร่ของคุณจะถูกย้ายไปยังหน้าที่ถูกต้องแล้ว การทำตามขั้นตอนด้านล่างจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการอัปโหลดที่มีอยู่และในอนาคตทั้งหมดของคุณจะถูกรวมไว้ในหน้าศิลปินเดียวกัน

ขั้นตอนที่ 1: ค้นหา URI ของคุณบน Spotify

• คลิกจุดสามจุดใต้ชื่อศิลปินของคุณในหน้าศิลปิน ที่ถูกต้อง 
• ไปที่เมนูแชร์
• เลือก 'คัดลอก Spotify URI' จากเมนูที่สอง

หมายเหตุ: หากคุณใช้แอปพลิเคชันเดสก์ท็อปของ Spotify คุณจะเห็นว่าตัวเลือกการแชร์ในเมนูลดลงเหลือเพียง คัดลอกลิงก์ และ คัดลอกโค้ดฝัง คุณยังสามารถคัดลอก Spotify URI ด้วยการกดปุ่มปรับค่าค้างไว้ (Alt/Ctrl) ในเมนูแชร์:

ขั้นตอนที่ 2: ไปที่ https://distrokid.com/fixer

ด้วย URI ที่ถูกต้อง คุณสามารถใช้เครื่องมือ Fixer ของ DistroKid เพื่อให้แน่ใจว่าเพลงทั้งหมดของคุณได้รับการเชื่อมโยงไปยังหน้าศิลปินที่ถูกต้อง

ปฏิบัติตามการตั้งค่าด้านล่าง:


ไม่จำเป็นต้องระบุผลงานแต่ละรายการ เพื่อให้ผลงานทั้งหมดจากศิลปินคนเดียวกันได้รับการเชื่อมโยงกับ URI อย่างถูกต้อง

โดยทั่วไป Spotify จะใช้เวลาสูงสุด 5 วันในการดำเนินการตามคำขอเหล่านี้

หมายเหตุ: หากคุณเคยส่งคำขอเพื่อดู URI ของคุณที่ https://distrokid.com/uri/spotify หน้านั้นจะ ไม่ อัปเดต แม้ว่า Spotify จะเชื่อมโยงเพลงของคุณกับ URI ที่ถูกต้องแล้วก็ตาม ไม่มีอะไรต้องกังวล!

การอัปโหลดเพลงและรับเงินจาก Apple Music ผ่าน DistroKid นั้นง่ายมาก

นอกจากจะทำให้การส่งไปเพลงของคุณไปยัง Apple Music และ iTunes เป็นเรื่องง่ายแล้ว DistroKid ยังทำให้การรับรายได้จาก Apple เป็นเรื่องง่ายเหลือเชื่อ! คุณจะได้รับรายได้ 100% จาก Apple Music/iTunes (และพันธมิตรร้านค้าอื่นๆ ทั้งหมดที่เราร่วมงานด้วย!) เมื่อใช้ DistroKid

เพื่อเริ่มต้น:
1. สร้างบัญชี DistroKid!

2. เลือก แผนการสมัครสมาชิก DistroKid ที่คุณต้องการ! โปรดทราบว่าแผน Musician Plus และ Ultimate มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมาย รวมถึงสถิติรายวันและวันเผยแพร่แบบกำหนดเอง

3. ไปที่ แบบฟอร์มอัปโหลด เพื่ออัปโหลดงานของคุณ! ในแบบฟอร์มอัปโหลด โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือก Apple Music จากรายชื่อพันธมิตรของเรา

4. เมื่อคุณมีการเผยแพร่อย่างน้อยหนึ่งรายการบน Apple Artist Page ของคุณ คุณสามารถลงทะเบียน Apple Music for Artists และอ้างสิทธิ์ในเพจของคุณได้ที่ https://distrokid.com/am4a

แค่นั้นแหละ มันง่ายมากๆ!

pre-add ช่วยให้แฟนคลับของคุณสามารถฟังเพลงบน Apple Music จากอัลบั้มหรือ EP ก่อนที่จะวางจำหน่ายบน iTunes ได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มอัลบั้มหรือ EP ลงในคลังโดยอัตโนมัติเมื่อพร้อมจำหน่าย

[หน้าตาเป็นแบบนี้]


pre-add ใช้ได้เฉพาะกับ EP และอัลบั้มที่เลือกใช้ Instant Gratification อย่างน้อยหนึ่งแทร็ก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดของ Apple สำหรับ pre-add โปรดอ่านบทความนี้: https://itunespartner.apple.com/music/articles/rights-and-pricing_pre-adds-for-apple-music

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเริ่มใช้งาน Instant Gratification บน iTunes (ซึ่งคุณต้องทำเพื่อใช้งาน pre-add) โปรดอ่านบทความนี้: https://support.distrokid.com/hc/th/articles/360013647873

จัดไปชาวร็อค 🤘🏼

Apple Artist ID ของคุณคือตัวระบุเฉพาะที่ Apple กำหนดให้กับศิลปินทุกคน เมื่ออัปโหลดผลงานใหม่ไปยัง DistroKid ระบบอาจขอให้คุณป้อน "URL ของศิลปินบน Apple"

หากคุณได้อัปโหลดผลงานผ่าน DistroKid และต้องการรับ Apple ID ของศิลปิน อัลบั้ม หรือแทร็ก คุณสามารถใช้เครื่องมือค้นหา URI ของ DistroKid ได้!

นี่คือวิดีโอสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีการใช้เครื่องมือค้นหา Apple IDs และ URLs สำหรับการเผยแพร่ของคุณ:

หากคุณเปลี่ยนจากผู้จัดจำหน่ายรายอื่นมาใช้ DistroKid นี่คือวิธีการค้นหาใน Apple Music หรือ iTunes:

1. เปิดแอป Apple Music / iTunes
2. ค้นหาชื่อศิลปินของคุณใน Apple Music / iTunes โดยใช้แถบค้นหา
3. คลิก "..." ทางด้านขวาของชื่อศิลปิน
4. คลิก "แชร์"
5. คลิก "คัดลอกลิงก์"
   
   
   

เรียบร้อย! ตอนนี้คุณสามารถกลับไปที่แบบฟอร์มอัปโหลดของ DistroKid และ วาง ลิงก์ใน URL

Apple นำเสนอรูปแบบเสียงและมาตรฐานคุณภาพที่หลากหลาย พวกเขาระบุให้ผู้ฟังทราบโดยใช้ป้ายกำกับต่างๆ มาดูกันว่าแต่ละป้ายหมายถึงอะไร และวิธีการที่จะทำให้ เพลงของคุณ มีคุณสมบัติและได้มาตรฐาน Apple

เสียงแบบไม่สูญเสีย

การสตรีมเพลงส่วนใหญ่ เสียงมักจะเป็นแบบ บีบอัด เพื่อให้สามารถเล่นไฟล์เสียงขนาดใหญ่ได้แบบเรียลไทม์บนอินเทอร์เน็ตที่ช้า อย่างไรก็ตาม อินเทอร์เน็ตบนมือถือเร็วขึ้นมากในปัจจุบัน แบนด์วิธก็เพิ่มขึ้น บริการต่างๆ จึงสามารถนำเสนอมาสเตอร์ได้เต็มรูปแบบโดยไม่มีการบีบอัดเพื่อความเพลิดเพลินในการฟัง! ป้ายเสียงแบบไม่สูญเสียบน Apple Music บ่งบอกว่าคุณกำลังฟังไฟล์เสียงที่ไม่มีการบีบอัด ซึ่งมีความเที่ยงตรงในทุกรายละเอียดของการบันทึกเสียงต้นฉบับตามที่ศิลปิน วิศวกรมิกซ์ และวิศวกรมาสเตอร์ต้องการ

ฉันจะได้รับป้ายเสียงแบบไม่สูญเสียบน Apple Music ได้อย่างไร?

มันง่ายมาก! ทุกการเผยแพร่ที่จัดส่งให้กับ Apple ด้วยตัวแปลงสัญญาณแบบไม่สูญเสียข้อมูลจะถูกเลือกให้เล่นเสียงแบบไม่สูญเสียโดยอัตโนมัติ และจะมีป้ายเสียงแบบไม่สูญเสียกำกับ สิ่งที่คุณต้องทำคืออัปโหลดไฟล์เสียงแบบไม่สูญเสียข้อมูล (FLAC, ALAC, WAV, AIFF) ไปยัง DistroKid เมื่อคุณอัปโหลดเพลงของคุณ

ความละเอียดสูงแบบไม่สูญเสีย

จำทุกอย่างเกี่ยวกับเสียงแบบไม่สูญเสียข้อมูลได้ไหม?เสียงความละเอียดสูงแบบไม่สูญเสียก็เหมือนกัน แต่จะมีความละเอียด มากกว่า ป้ายกำกับนี้ช่วยให้ผู้ฟังทราบว่าไฟล์เสียงที่พวกเขาได้ยินมีขนาดอย่างน้อย 24 บิตและมีอัตราแซมเปิลสูงกว่า 48khz! มันคือ hi-def!

ฉันจะได้รับป้ายเสียงความละเอียดสูงแบบไม่สูญเสียบน Apple Music ได้อย่างไร?

เช่นเดียวกับเสียงแบบไม่สูญเสีย ทุกการเผยแพร่ที่จัดส่งให้กับ Apple ด้วยตัวแปลงสัญญาณแบบไม่สูญเสียจะถูกเลือกให้เล่นเสียงแบบไม่สูญเสียโดยอัตโนมัติ และจะมีป้ายไม่สูญเสียกำกับ หากต้องการได้รับป้าย "ความละเอียดสูง" สิ่งที่คุณต้องทำคืออัปโหลดไฟล์เสียงความละเอียดสูงแบบไม่สูญเสียไปยัง DistroKid เพื่อให้ได้รับพิจารณาว่าเป็น "ความละเอียดสูง" ไฟล์เสียงแบบไม่สูญเสียข้อมูลของคุณต้องมีขนาดอย่างน้อย 24 บิตและมีอัตราแซมเปิลสูงกว่า 48khz คุณสามารถใช้ไฟล์ประเภทเดียวกับเสียงแบบไม่สูญเสียข้อมูล: FLAC, ALAC, WAV, AIFF

Dolby Atmos

คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเสียงสเตอริโอแล้ว แต่คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับ... อัลตร้าสเตอริโอหรือยัง?

...ล้อเล่น จริงๆ แล้ว Dolby Atmos คือรูปแบบการเล่นเสียงแบบใหม่ที่สร้างประสบการณ์เสียงสามมิติที่ชวนดื่มด่ำ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dolby Atmos ได้ที่นี่: https://support.distrokid.com/hc/th/articles/4403029574675

ฉันจะรับป้าย Dolby Atmos บน Apple Music ได้อย่างไร?

หากต้องการรับป้าย Dolby Atmos คุณต้องอัปโหลดมิกซ์ Dolby Atmos ที่เข้ากันได้สำหรับงานของคุณก่อน คุณสามารถเรียนรู้วิธีสร้างมิกซ์ Dolby Atmos จากเพลงของคุณได้ที่นี่: https://support.distrokid.com/hc/th/articles/4405783945363

เมื่อคุณมีมิกซ์ Dolby Atmos แล้ว คุณสามารถอัปโหลดไปยัง DistroKid ได้อย่างง่ายดาย ศิลปินสามารถเพิ่มมิกซ์ Dolby Atmos ได้ในราคา 26.99 ดอลลาร์ต่อแทร็ก โดยจะใช้งานได้บนอุปกรณ์และบริการสตรีมมิ่งที่รองรับ รวมถึง Apple Music และ TIDAL เพียงตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือก "ใช่" ที่ส่วน "Dolby Atmos/Spatial audio" ของแบบฟอร์มอัปโหลด

Apple Digital Masters

Apple Digital Masters (เดิมเรียกว่า 'Mastered for iTunes') ช่วยให้คุณสามารถส่งมาสเตอร์ความละเอียดสูงพร้อมเสียงคุณภาพสูงสุดไปยัง Apple คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่นี่: https://support.distrokid.com/hc/th/articles/360013534534

ฉันจะได้รับป้าย Apple Digital Master บน Apple Music ได้อย่างไร?

หากคุณมีเพลงที่ผ่านการมาสเตอร์จาก Apple Digital Masters mastering house อยู่แล้ว แจ้งให้เราทราบ โดยเลือก "Apple Digital Masters (MFiT)" ในแบบฟอร์มติดต่อของเรา แล้วเราจะช่วยให้คุณอัปโหลดเสียงนี้ด้วยป้ายกำกับ Apple Digital Masters

อ้างสิทธิ์ ช่องอย่างเป็นทางการของศิลปินบน YouTube ของคุณได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายด้วย DistroKid

วิธีอ้างสิทธิ์ช่องอย่างเป็นทางการของศิลปินบน YouTube:

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีช่องสำหรับศิลปินโดยเฉพาะบน YouTube และช่องนี้มีเนื้อหาของศิลปินที่อัปโหลดไว้ ถ้าไม่ โปรดสร้างขึ้นมาและตั้งชื่อตามชื่อศิลปินของคุณ*
   
   โปรดทราบว่าคุณไม่สามารถเปิดช่องใหม่ที่ว่างเปล่าเพื่อเปลี่ยนเป็นช่องอย่างเป็นทางการของศิลปินได้ หากไม่มีเนื้อหาในช่องนั้น (วิดีโอ YouTube อย่างน้อยหนึ่งรายการ ไม่นับ YouTube Shorts) คำขอจะถูกปฏิเสธ
   
   
2. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าศิลปินของคุณมีอย่างน้อยหนึ่งผลงานใน DistroKid ที่เลือก "YouTube Music" เป็นบริการสตรีมมิ่ง
   
   
3. ไปที่ ช่องอย่างเป็นทางการของศิลปิน YouTube ของบัญชี DistroKid ของคุณโดย:
   
   - คลิกเมนูฟีเจอร์ DistroKid ที่มุมขวาบน
   - เลือก "การเข้าถึงแบบพิเศษ"
   - เลือก "ช่องอย่างเป็นทางการของศิลปิน YouTube"
   
   
4. เลือกศิลปินที่คุณต้องการเชื่อมโยงกับช่อง YouTube ของคุณ
   
   
5. ยืนยันตัวตนเข้าสู่บัญชี YouTube ของคุณ
   
   
6. อ้างสิทธิ์ช่องของคุณ!
   
   
7. เรียบร้อย!

*หมายเหตุ:

• คุณสามารถเชื่อมโยงศิลปินกับบัญชี YouTube ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ช่องค่ายเพลงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นช่องอย่างเป็นทางการของศิลปินได้
• ชื่อช่องส่วนตัวของคุณจะต้องตรงกับชื่อศิลปินของคุณจึงจะสามารถสมัคร OAC ได้
• โดยทั่วไปการสมัครช่องอย่างเป็นทางการของศิลปินจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่อาจใช้เวลาตั้งแต่ 2-3 วันไปจนถึง 2-3 สัปดาห์ โปรดรอประมาณ 6 สัปดาห์ในการทำให้ช่องของคุณเป็นช่องอย่างเป็นทางการของศิลปิน
• Topic Channel ของคุณยังคงเป็นช่องแยกต่างหาก แม้ว่า OAC จะถูกอ้างสิทธิ์แล้วก็ตาม
• คำขอ OAC ไม่สามารถยกเลิกหรือโอนไปยังช่องใหม่ได้

---

เมื่อช่องอย่างเป็นทางการของศิลปินได้รับการอนุมัติ คุณจะสามารถเข้าถึง ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น บน YouTube ได้ เช่น:

• เพิ่มการมองเห็นผ่านการค้นหาของ YouTube
• เข้าถึงเครื่องมือและการวิเคราะห์สำหรับศิลปินใน YouTube Studio
• ความสามารถในการอัปเดตรูปและประวัติบน YouTube Music ของคุณ
• สิทธิ์พิเศษในการเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์ผ่าน YouTube Analytics for Artists
• ได้รับเครื่องหมายการยืนยันถัดจากชื่อช่องของคุณ

นี่คือวิดีโอจาก YouTube พร้อมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการช่วยเหลือของ DistroKid ในการเปลี่ยนช่องของคุณเป็นช่องอย่างเป็นทางการของศิลปิน:

ขอให้สนุก!

หากคุณเผยแพร่ผลงานของคุณบน YouTube ผ่านทาง DistroKid เราจะส่งผลงานของคุณไปยัง YouTube Music YouTube Music เป็นบริการสตรีมเพลง

เมื่อคุณเผยแพร่ผลงานของคุณไปยัง YouTube Music เพลงของคุณจะสร้างสิ่งที่เรียกว่า Art Track ซึ่งเป็นภาพนิ่ง การเผยแพร่เฉพาะเสียงที่อยู่ใน Topic Channel

Topic Channels แสดงให้เห็นว่า YouTube Music Artist Profile ของคุณมีอะไรบ้างสำหรับการสตรีม ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ Topic Channels สามารถดูได้บนเว็บไซต์หลักของ YouTube ในขณะที่โปรไฟล์ศิลปินของคุณสามารถดูได้บน YouTube Music

คุณจะได้รับเงินสำหรับการเล่นเพลงของคุณแต่ละครั้งที่สร้างรายได้ การเล่นที่ "สร้างรายได้" คือการที่ YouTube แสดงโฆษณาบนวิดีโอ หรือเมื่อสมาชิกที่ชำระเงินของ YouTube Music ฟัง (ในกรณีนี้ คุณจะได้รับเงินตามสัดส่วน ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่พวกเขาจ่ายและเปอร์เซ็นต์ของเวลาที่พวกเขาฟังเพลงของคุณ)

การส่งเพลงของคุณไปยัง YouTube Music ยังช่วยให้แน่ใจว่าคุณมีสิทธิ์เปลี่ยนช่องของคุณเป็นช่องอย่างเป็นทางการของศิลปิน ซึ่งมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมมากมาย คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องอย่างเป็นทางการของศิลปินได้ ที่นี่

ขณะนี้ YouTube Music มีให้บริการในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี รัสเซีย แคนาดา ไอร์แลนด์ ฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เม็กซิโก และเกาหลีใต้ ซึ่งสามารถใช้งานได้ทุกที่ที่รองรับบริการของ YouTube หากคุณพยายามเล่นวิดีโอ Art Track ของ YouTube นอกพื้นที่สนับสนุน คุณอาจเห็นข้อความแจ้งว่าเนื้อหาไม่พร้อมใช้งาน

นี่คือข้อมูลเพิ่มเติม:

http://youtube-global.blogspot.com/2014/11/youtube-music-2014.html

http://www.theverge.com/2014/11/12/7201969/youtube-music-key-new-subscription-service

หากคุณมีเพลงบน YouTube Music อยู่แล้ว คุณสามารถไปที่โปรไฟล์ศิลปินบน YouTube Music เพื่อค้นหา URL ศิลปินของคุณได้ที่ https://music.youtube.com/

คุณสามารถค้นหาชื่อศิลปินของคุณได้ในฟีเจอร์การค้นหาที่แถบเมนูด้านบน:

หลังจากที่คุณพบหน้าศิลปิน YouTube Music ของคุณแล้ว คุณสามารถค้นหา URL ของคุณได้โดยคลิกที่จุดสามจุดถัดจากชื่อศิลปินของคุณ และคลิกตัวเลือก "แชร์":

คุณจะเห็นส่วนขยาย จากนั้น คลิกปุ่ม "คัดลอก"

URL ของคุณควรมีลักษณะดังนี้: https://music.youtube.com/channel/EXAMPLEURL

YouTube ได้ปิดใช้งานความคิดเห็นใน YouTube Art Track ที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ เช่น วิดีโอที่สร้างขึ้นเมื่อคุณเผยแพร่ไปยัง YouTube Music

เรื่องนี้ถูกจัดการโดย YouTube และไม่ใช่สิ่งที่ DistroKid (หรือผู้จัดจำหน่ายรายอื่น) สามารถควบคุมได้

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก YouTube ที่นี่: https://support.google.com/youtube/answer/9293636?hl=th

นี่คือวิธีการค้นหาเพลงของคุณบน Instagram:

คุณสามารถส่งเพลงของคุณไปยัง Facebook และ Instagram ด้วย DistroKid เพื่อให้แฟนคลับได้ใช้ผลงานของคุณทั้งในสตอรี่และ Reels!

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโปรไฟล์ Facebook/Instagram ของคุณเชื่อมโยงกับเพลงของคุณบน Facebook และ Instagram เพื่อให้แฟนคลับสามารถค้นหาโปรไฟล์ศิลปินของคุณได้

หากต้องการเชื่อมโยงโปรไฟล์ Facebook และ Instagram คุณสามารถป้อน URL ของ Facebook และ Instagram ลงในแบบฟอร์มอัปโหลดเมื่ออัปโหลดผลงาน:

ฉันจะรับ URL ของ Facebook และ Instagram ได้อย่างไร?

สำหรับ Instagram URL โปรไฟล์ของคุณคือ https://instagram.com/INSTAGRAMHANDLE ของคุณ

หากชื่อของคุณบน Instagram คือ @Artistname ลิงก์ URL ของ Instagram ของคุณจะเป็น:
https://instagram.com/Artistname

สำหรับ Facebook URL ของคุณคือ https://facebook.com/ชื่อผู้ใช้งานของคุณ

คุณสามารถดึงข้อมูลและ/หรือแก้ไขชื่อผู้ใช้งานสำหรับหน้าศิลปินของคุณบน Facebook ได้โดยการคลิกที่ไอคอนโปรไฟล์ที่ด้านขวาบน คลิกที่ "การตั้งค่าและความเป็นส่วนตัว" จากนั้นคลิก "การตั้งค่า" คุณจะอยู่ที่แท็บการตั้งค่าเพจทั่วไป ซึ่งสามารถเรียกดูหรือแก้ไข URL สำหรับโปรไฟล์ศิลปินของคุณบน Facebook ได้

การเผยแพร่ของคุณควรมีเฉพาะเสียงที่คุณสร้างขึ้นเองเท่านั้น มิฉะนั้น จะไม่สามารถส่งไปยัง Facebook หรือ Instagram ได้ หรืออาจถูกลบออก

เสียงผลงานของคุณจะต้องมีความโดดเด่นเพียงพอจึงจะมีสิทธิ์ใช้งานบน Facebook และ Instagram เสียงที่ไม่มีความโดดเด่นเพียงพอได้แก่:

• เสียงลูป
• ซาวด์เบดส์
• เสียงเอฟเฟกต์
• เสียงเลียนแบบ
• การบันทึกเสียงคาราโอเกะ
• การบันทึกเพลงคลาสสิกจากผลงานในโดเมนสาธารณะ
• เพลงประกอบภาพยนตร์
• เพลงประกอบการทำสมาธิ โยคะ หรือเพลงเพื่อการนอนหลับ
• ดีเจมิกซ์หรือมิกซ์ต่อเนื่อง

การเผยแพร่ของคุณจะต้องเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับดนตรี การเผยแพร่ที่ดูไม่เกี่ยวกับดนตรีได้แก่:

• บันทึกเสียงพูด
• บันทึกการแสดงตลก
• บันทึกภาพยนตร์ (ที่ไม่ใช่เพลงประกอบภาพยนตร์)
• สุนทรพจน์
• บันทึกการสวดมนต์
• หนังสือเสียง
• พอดแคสต์
• บันทึกเสียงธรรมชาติหรือสัตว์ป่า
• บันทึกเสียงรอบข้าง
• บันทึกหรือบรรยายการร่วมเพศ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านบทความของ Facebook ที่นี่: https://th-th.facebook.com/business/help/585591922881993

ได้! DistroKid เป็นผู้จัดจำหน่ายรายแรกที่ช่วยศิลปินอัปโหลดผลงานไปยัง TikTok!

ต่อไปนี้เป็นวิธีอัปโหลดงานของคุณไปยัง TikTok และสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณอัปโหลดเสร็จแล้ว:

• คุณสามารถเลือกเผยแพร่ไปยัง TikTok ได้ในส่วนบนสุดของแบบฟอร์มอัปโหลด พร้อมด้วยร้านค้าและบริการสตรีมมิ่งอื่นๆ
• เพื่อเพิ่มเพลงที่อัปโหลดก่อนหน้านี้ไปยังร้านค้าใหม่ เพียงคลิก "เพิ่มไปยังร้านค้าเพิ่มเติม" บนหน้าแดชบอร์ดอัลบั้มของคุณ เมื่อคุณคลิกที่นี่ คุณจะเห็นรายชื่อร้านค้าที่ไม่ได้เผยแพร่เพลงของคุณจากการจำหน่ายครั้งก่อน เลือกร้านค้าที่คุณต้องการเพิ่มสำหรับการจัดจำหน่าย และคลิก "เพิ่ม"
• ผลงานควรเผยแพร่และค้นหาได้ในบริการภายใน 1-3 สัปดาห์หลังจากส่งผ่าน DistroKid 
• เพลงของคุณจะสร้างรายได้เมื่อผู้ใช้งาน TikTok ใช้เพลงนั้นในวิดีโอของพวกเขา
• TikTok ไม่ใช่บริการที่ผู้ใช้งานสามารถสตรีมเพลงแบบเต็มตามต้องการได้ แต่ผู้ใช้งานสามารถฝังคลิปเพลงลงในวิดีโอของพวกเขาได้

ฉันจะสร้างบัญชีศิลปิน TikTok ได้อย่างไร?

คุณสามารถสร้างบัญชีศิลปิน TikTok ได้โดยตรงผ่านบัญชี DistroKid ของคุณ!

ไปที่ https://distrokid.com/tiktok-artist-account/ เพื่อเริ่มต้นใช้งานฟีเจอร์นี้กับบัญชี TikTok ของคุณ

ศิลปินทุกคนที่เผยแพร่ผ่าน DistroKid และมีบัญชีศิลปินบน TikTok สามารถแสดงเพลงของตนบนโปรไฟล์ TikTok ได้ด้วยฟีเจอร์ "Music Tab" ของ TikTok

ฉันจะค้นหาลิงก์ไปยังเสียงของฉันบน TikTok ได้อย่างไร?

เปิด TikTok จากนั้นคลิกที่ฟีเจอร์ "ค้นหา" จากนั้นค้นหาชื่อศิลปิน และ ชื่อเพลงของคุณ จากนั้น ที่แถวบนสุดที่กรองผลลัพธ์ คุณจะเห็นตัวเลือกที่ระบุว่า "เสียง" คลิกตัวเลือกนั้นและค้นหาเสียงของคุณ จากนั้นคุณสามารถคลิกไอคอน "แชร์" ที่มุมขวาบนเพื่อคัดลอกลิงก์เสียงของคุณ:

ยังมีเงื่อนไขในการใช้งาน Music Tab อยู่หรือไม่?

เงื่อนไขเดียวคือคุณต้องมีเพลงอย่างน้อยหนึ่งเพลงที่เผยแพร่บน TikTok โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัญชี TikTok นั้นเป็นบัญชีสำหรับเพลงของคุณโดยเฉพาะและมีชื่อศิลปินของคุณระบุไว้ด้วย

โปรดทราบว่า DistroKid ไม่มีอำนาจในการกำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์บัญชีศิลปิน TikTok และเราไม่สามารถเข้าถึงสถานะของคำขอเหล่านี้ได้

เสียงต้นฉบับของผู้ใช้รายอื่นจะถูกเพิ่มลงในแท็บเพลงของฉันโดยอัตโนมัติหรือไม่?

ไม่ เฉพาะแทร็กที่จัดส่งอย่างเป็นทางการเท่านั้น หากต้องการอ้างสิทธิ์เสียงต้นฉบับที่ใช้เพลงของคุณ อ่าน บทความนี้

เมื่อฉันได้รับ Music tab แล้ว เพลงทั้งหมดของฉันจะปรากฏหรือไม่?

ใช่! แทร็กทั้งหมดที่ส่งไปก่อนหน้านี้จะปรากฏขึ้น และเพลงที่เผยแพร่ในอนาคตทั้งหมดจะถูกเชื่อมโยงกันโดยอัตโนมัติ TikTok ยังรายงานว่าพวกเขากำลังสร้างฟีเจอร์ลบแทร็กที่สามารถลบแทร็กเก่าๆ ออกจากแท็บเพลงของคุณได้

การคัดลอกลิงก์ไปยังเพลงโปรดของคุณบน Anghami เป็นเรื่องง่าย ขั้นแรก ค้นหาเพลง อัลบั้ม หรือศิลปินที่คุณต้องการ URL จากนั้น...

1. คลิกที่จุดสามจุดถัดจากชื่อศิลปิน/อัลบั้ม/ชื่อเพลง
2. คลิก “แชร์”
3. คลิก "คัดลอก"

ตอนนี้คุณมี URL ในคลิปบอร์ดของคุณแล้ว!

หากต้องการอ้างสิทธิ์หน้าศิลปินของคุณบน Anghami โปรดไปที่ artist.anghami.com และทำตามขั้นตอนด้านล่าง:

1. ไปที่ artists.anghami.com,
2. คลิก 'อ้างสิทธิ์โปรไฟล์ของคุณ'
3. ค้นหาชื่อศิลปินหรือใช้ลิงก์ศิลปินของคุณ จากนั้น คลิก "ไป"
4. เลือกจากเมนูเลื่อนลง
5. ตรวจสอบข้อมูลศิลปินของคุณแล้วคลิก "ถัดไป"
6. ป้อนชื่อและนามสกุลของคุณ (ตามที่เขียนไว้ในหนังสือเดินทางของคุณ)
7. ป้อนอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ
8. ป้อนรหัสผ่านของคุณ (อย่างน้อย 6 ตัวอักษรและ 2 ตัวเลข)
9. คุณจะได้รับการยืนยันทางอีเมลในกล่องขาเข้าของคุณ อย่าลืมตรวจสอบโฟลเดอร์สแปมของคุณด้วย คลิกที่ลิงก์ภายในอีเมลของคุณเพื่อทำการยืนยัน
10. ป้อนรหัสที่คุณได้รับทาง SMS เพื่อยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ
11. คลิก 'อ้างสิทธิ์โปรไฟล์ของฉัน'

คำร้องของคุณจะได้รับการตรวจสอบภายใน 2 วันทำการ และคุณจะได้รับแจ้งสถานะบัญชีทางอีเมล

ได้!

เราสามารถจัดจำหน่ายผลงานของคุณไปยัง Pretzel

Pretzel เป็นบริการที่ช่วยให้สตรีมเมอร์สามารถแบ่งปันเพลงในสตรีมได้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Pretzel ได้ที่นี่:
https://help.pretzel.rocks/pretzel#faq

หากคุณต้องการเผยแพร่ผลงานของคุณไปยัง Pretzel โปรดติดต่อเรา ที่นี่ แล้วเราจะเปิดการใช้งานการส่งเพลงไปยัง Pretzel ในบัญชีของคุณ คุณสามารถเข้าถึง Pretzel ได้โดยคลิกที่ "เพลงของฉัน" ในแบบฟอร์มติดต่อนั้น จากนั้นเลือก "เลือกใช้บริการ"

Pretzel ต้องการให้ศิลปิน กรอกแบบฟอร์มนี้ หลังจาก งานของพวกเขาได้ถูกส่งมอบแล้วเพื่อเคลียร์สิทธิ์ทั้งหมด

หากต้องการส่งเพลงของคุณไปที่ Pretzel เพียงตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เลือก "Pretzel" ในแบบฟอร์มอัปโหลด DistroKid

หากต้องการเพิ่มการเผยแพร่ก่อนหน้าลงใน Pretzel (หลังจากเลือกใช้งาน):

1. ลงชื่อเข้าใช้ DistroKid
2. ไปที่หน้าอัลบั้มของคุณ
3. คลิกอัลบั้ม (หรือซิงเกิล) ของคุณ
4. คลิก "เพิ่มไปยังร้านค้าเพิ่มเติม"
5. เลือก "Pretzel" จากรายการที่ปรากฏ

นอกจากนี้! หากคุณมีช่อง Twitch คุณสามารถเชื่อมโยงช่องนั้นกับบัญชี DistroKid ของคุณได้ Twitch จะเชื่อมโยงไปยังช่อง Twitch (และหน้า Spotify ของคุณ) ทุกครั้งที่เพลงของคุณถูกสตรีม ไปที่:
http://distrokid.com/twitch-connect.

หมายเหตุ:

Twitch ได้แจ้ง DistroKid ว่า Soundtrack by Twitch จะหยุดให้บริการในวันที่ 17 กรกฎาคม 2023

เนื้อหาที่มีอยู่ทั้งหมดยังคงใช้งานได้จนถึงวันที่ 17 กรกฎาคม แต่จะไม่มีการเพิ่มเนื้อหาใหม่ลงใน Soundtrack by Twitch

เช่นเคย DistroKid จ่ายเงิน 100% ของรายได้ เรายังคงรวบรวมรายได้จากเนื้อหาทั้งหมดที่ถูกสตรีมต่อไปจนถึงวันสุดท้ายตามที่ระบุไว้คือวันที่ 17 กรกฎาคม 2023

DistroKid และ Twitch ได้ร่วมมือกันเพื่อมอบโอกาสให้ศิลปิน DistroKid ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้พัฒนาเครือข่ายและสร้างรายได้จากเพลงของพวกเขา การสตรีมบน Twitch ช่วยให้ศิลปินโต้ตอบกับแฟนคลับได้โดยตรง แบ่งปันประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

ศิลปิน DistroKid มีโอกาสได้รับการพิจารณาเพื่อเข้าร่วม The Collective ผ่านความร่วมมือของเรา ศิลปินที่ได้รับเลือกโดย Twitch เพื่อเข้าร่วมโปรแกรมจะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจาก Twitch และมีสิทธิ์จัดการการค้นหา การโปรโมต และการใช้งานบน Twitch, Discord และพันธมิตรในอุตสาหกรรม

Twitch มี ข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการเพื่อไลฟ์ สร้างชุมชนของคุณและสร้างรายได้จากการทำสิ่งที่คุณรัก

สมัครเข้าร่วม The Collective วันนี้!

หมายเหตุ: ขณะนี้ โปรแกรมนี้เปิดให้เฉพาะศิลปินที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดา และมีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น

ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม? เข้าร่วม ชุมชน Twitch บน Discord เพื่อรับคำแนะนำจากผู้สร้าง Twitch ในเรื่องฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการตั้งค่าช่องต่างๆ